Breaking News

SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะสามารถขยายตัวได้ที่ 2.6% ในปี 2024 (ณ เดือน ก.ย. ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน) อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกที่ผ่านมาในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ขยายตัวดีต่อเนื่องและสูงกว่าที่ SCB EIC คาดการณ์ไว้และสูงกว่ามุมมองตลาดมาก[2] นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไปจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้ในภาพรวม แม้จะชะลอตัวลงบ้างในหลายประเทศ รวมถึงวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และแรงกดดันด้านค่าระวางเรือที่เริ่มลดลง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกในปี 2024 อาจขยายตัวได้มากกว่าประมาณการเดิมที่ 2.6% แต่ต้องจับตาผลกระทบเพิ่มเติมจากปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย การแข็งค่าของเงินบาท และการยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดีย

สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัล Global Business Outlook Award 2024

สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัล Global Business Outlook Award 2024
1
เขียนโดย intrend online 2024-10-30

ผ่าน โครงการ S-OASIS ย้ำผู้นำด้านนวัตกรรมอาคารสำนักงานยั่งยืน

เติมเต็มประสบการณ์ทำงานและใช้ชีวิตยุค WORK-LIFE INTEGRATION"
กรุงเทพฯ (ตุลาคม 2567) – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ "Entrusted and Value Enricher" ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาคารสำนักงาน โดยล่าสุด โครงการ S-OASIS คว้ารางวัล Most Innovative New Office Building Development จากเวที Global Business Outlook Award 2024 สะท้อนถึงความสำเร็จในการออกแบบอาคารอัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “เป็น/อยู่/ดีและยั่งยืน” เพื่อมุ่งสู่การเป็นสำนักงานที่ยั่งยืนระดับแนวหน้าของไทยในย่านวิภาวดี พร้อมมอบประสบการณ์ “การทำงานพร้อมใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ”

นางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและการพาณิชย์ กล่าวว่า “โครงการ S-OASIS นับเป็นโปรเจคสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าของบริษัทฯ ทั้งนี้ การได้รับรางวัลระดับโลกครั้งนี้ยืนยันได้ถึงศักยภาพของสิงห์ เอสเตท ในการสร้างสรรค์โครงการ ภายใต้แนวคิด “เป็น/อยู่/ดีและยั่งยื่น” ที่มุ่งเน้นถึงความ เป็น : Smart & Sustainable Office ด้วย Integrated Smart Technology และ Green Material, อยู่ :ออกแบบให้สามารถใช้ชีวิตได้แบบ Day & Night ด้วยการสร้าง S Community, ดีและยั่งยืน : ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการโครงการ ด้วยมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001, Well-being environment, พื้นที่สีเขียว, Customer design & flexible space รองรับความหลากหลายในการใช้งานและความยั่งยืนในทุกมิติของการใช้ชีวิตในที่ทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ตอบสนองความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานและชีวิตส่วนตัวกำลังหลอมรวมกันในรูปแบบ Work-Life Integration” ใช้ชีวิตทำงานที่คล่องตัวสูงในขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างลงตัว

ความโดดเด่นในด้านนวัตกรรมภายใต้แนวคิด “เป็น/อยู่/ดีและยั่งยื่น” ของ S-OASIS ได้แก่

· ด้านสิ่งแวดล้อม : ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED แสดงถึงความมีมาตรฐานในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าเป็นองค์กร Carbon Neutrality ภายในปี 2030 ด้วยการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะ AI Technology เพื่อติดตามข้อมูลภายในอาคารแบบ Real-time ทำให้สามารถบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง โซล่าร์เซลล์และเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงธรรมชาติเพื่อประหยัดพลังงานและควบคุมแสงสว่างอย่างเหมาะสม, มีการจัดการน้ำในโครงการช่วยลดการใช้น้ำลงถึง 50% ผ่านการบำบัดและหมุนเวียนน้ำ พร้อมทั้งใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำที่ลดการใช้น้ำลง 20% นอกจากนี้ยังมีระบบเก็บน้ำฝนและเครื่อง RVM สำหรับรีไซเคิลขวดพลาสติก PET รวมถึงยังเป็นอาคารสำนักงานที่มีการติดตั้ง EV-Charger รองรับผู้มาใช้อาคารมากที่สุดบนถนนวิภาวดีรังสิต

· การควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร : S-OASIS ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการติดตั้งเครื่อง UVC ในระบบ Chiller เพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศก่อนปล่อยเข้าสู่ระบบปรับอากาศ รวมทั้งติดตั้งเครื่อง AIRSteril UVGI Upper Room ในพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร เพื่อช่วยควบคุมและดูแลอากาศภายในอาคารให้สะอาดและปลอดภัย ช่วยลดสารก่อมลพิษทางอากาศ โดยสามารถลดปริมาณสารก่อมลพิษทางอากาศได้ทั้งสารอินทรีย์ระเหย, ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และฟอร์มัลดีไฮด์ มีการเติมและหมุนเวียนอากาศจากภายนอกเข้ามาภายในอาคารด้วยระบบความดันบวก (Positive Pressure) พร้อมด้วยระบบ Outdoor Air Unit (OAU) เพื่อประสิทธิภาพการกรองอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้น 2 ชั้น นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งแผ่นกรองละเอียดมาตรฐานสูง Medium Filter MERV 8 + HEPA Filter MERV 14 สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็กถึง 0.3 ไมครอน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสร หรือแม้แต่สปอร์เชื้อราก็ไม่อาจหลุดรอดเข้าไปภายในอาคารได้ อีกทั้งยังมีการติดตั้งหลอด UVC ภายในเครื่อง AHU เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ อากาศภายในอาคารจึงสะอาดและปลอดภัยจากเชื้อโรค

· การออกแบบอาคารเชิงสร้างสรรค์ (Innovative Design) : โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย โปร่งโล่งสบายตา ด้วยกระจกสูงเต็มความสูงอาคาร (Full Height Window) ที่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ช่วยประหยัดพลังงานและสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี นอกจากนี้ยังใช้วัสดุรีไซเคิลและผลิตภัณฑ์เคลือบพื้นผิวที่มีค่า Low VOCs เพื่อช่วยลดมลพิษและดูแลสุขภาพของผู้ใช้อาคาร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกกว่า 2,200 ตร.ม. เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อน พร้อมระบบS-Hygiene ช่วยกรองอากาศ 2 ชั้น พร้อมเซนเซอร์ตรวจวัดระดับคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากจะเป็นสถานที่ทำงานแล้ว อาคารนี้ยังเติมเต็มไลฟ์สไตล์ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น S-OASIS Retail, SUN Plaza, foodPLACE และพื้นที่ Chill & Dine สำหรับพักผ่อนหลังเลิกงาน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนโดยรอบให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการปรับภูมิทัศน์พื้นที่สาธารณประโยชน์เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนให้กับชุมชนรอบข้าง และปรับปรุงลำคลองรอบอาคารให้ใสสะอาดขึ้นด้วย

· การใช้งานพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ (Efficient Use of Space) : การออกแบบผังพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในสำนักงาน โดยมีเพดาน Knock-out Panel ที่ช่วยให้ผู้เช่าสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นออฟฟิศ 2 ชั้นได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบ JUMP&SYNC ที่ให้ผู้เช่าปรับเปลี่ยนพื้นที่และระยะเวลาสัญญาเช่าได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมอุปกรณ์สำนักงานและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่รองรับการทำงานแบบ Hybrid Model และบริการ MaxServe ซึ่งเป็นบริการทำความสะอาดสำนักงานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากลและถูกสุขอนามัย

· การก่อสร้างที่ทันสมัย (Advanced Construction Techniques) : นำเทคโนโลยีล้ำสมัยและวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการก่อสร้าง รวมถึงการควบคุมคุณภาพของงานให้ได้มาตรฐานสูง คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อธรรมชาติและชุมชนรอบด้าน และการจัดการของเสียอย่างเหมาะสม

· ระบบขนส่งอย่างยั่งยืน (Sustainable Transport) : ทำเลใจกลางเมืองที่สะดวกต่อการเดินทาง ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนหลักอย่าง BTS และ MRT ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการใช้รถยนต์ส่วนตัวและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการเดินทางของพนักงาน ส่งเสริมความสะดวกสบาย และสนับสนุนแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของโครงการในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม

สิงห์ เอสเตท ยืนยันว่าจะเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ อย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างคุณค่าและเติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน พร้อมขับเคลื่อนบริษัทฯ สู่การเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในอสังหาริมทรัพย์ไทย